ร้านปูเป้แอร์บ้าน ขอนแก่น สาขาประตูน้ำ
BTU (British Thermal Unit) คือ หน่วยที่ใช้วัดปริมาณความร้อนหน่วยหนึ่ง (ซึ่งเป็นที่นิยมใช้กันมากในระบบของเครื่องปรับอากาศ) สามารถเทียบได้กับหน่วยจูลหรือแคลอรีในระบบสากล โดยที่ความร้อน 1 BTU คือปริมาณความร้อนที่ทำให้น้ำ 1 ปอนด์มีอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นหรือลดลง 1 องศาฟาเรนไฮด์ แอร์นั้นจะวัดกำลังความเย็นหรือความสามารถในการดึงความร้อน (ถ่ายเทความร้อน) ออกจากห้องปรับอากาศในหน่วยบีทียู (BTU) เช่นแอร์ขนาด 14,000 บีทียูต่อชั่วโมง หมายความว่าแอร์เครื่องนั้นมีความสามารถในการดึงความร้อนออกจาก ห้องปรับอากาศ 14,000 บีทียูภายในเวลา 1 ชั่วโมง
ทำไมต้องเลือก BTU แอร์ ให้พอเหมาะกับขนาดของห้อง
– ถ้าเลือก BTU สูงไป คอมเพรสเซอร์จะทำงานตัดบ่อยเกินไป ทำให้ประสิทธิ์ภาพในการทำงานลดน้อยลง ทำให้ความชื้นในห้องสูง ไม่สบายตัวและที่สำคัญราคาแพงและสิ้นเปลื้องพลังงาน
– ถ้าเลือก BTU ต่ำไป คอมเพรสเซอร์จะทำงานตลอดเวลา เพราะความเย็นห้องไม่ได้ตามอุณหภูมิที่ตั้งไว้ สิ้นเปลื้องพลังงานและเครื่องเสียเร็ว
สรุปก็คือ การเลือกขนาด BTU ของแอร์ให้เหมาะสมกับพื้นที่ของห้อง จะช่วยให้แอร์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ไม่สิ้นเปลื้องพลังงาน และประหยัดค่าใช้จ่ายอีกด้วย
วิธีคำนวณ BTU ที่เหมาะสม
ตารางข้างต้นเป็นการคำนวณบีทียูห้องมาตรฐาน ทั้งนี้ลูกค้าควรพิจารณาปัจจัยอื่นๆเพิ่มเติม
คำนวณโดยใช้สูตรพื้นที่ห้อง
BTU = [กว้าง(เมตร) x ยาว(เมตร)] x ตัวแปร
ตัวแปร
ตัวอย่างการคำนวณ
ห้องนอนไม่ค่อยโดดแดด กว้าง 5.5 เมตร, ยาว 6 เมตร
BTU = [5.5 เมตร x 6 เมตร] x 700
= 33 ตารางเมตร x 700
= 23,100 => 24,000
เพราะฉะนั้น ลูกค้าควรใช้แอร์ขนาด 24,000 บีทียู (สามารถสูง-ต่ำได้นิดหน่อย แต่ไม่ควรเกิน 1,000 บีทียู)
ปัจจัยที่ควรพิจารณาเพิ่มเติม
ห้องที่มีฝ้าเพดานสูง คำนวณโดยใช้สูตรปริมาตรของห้อง
BTU = [[กว้าง(เมตร) x ยาว(เมตร) x สูง(เมตร)] x ตัวแปร] / 3
ตัวอย่างการคำนวณห้องที่มีเพดานสูง
ห้องทำงานโดดแดด กว้าง 4 เมตร, ยาว 8 เมตร, สูง 3.5 เมตร
BTU = [[4 เมตร x 8.5 เมตร x 3.5 เมตร ] x 900] / 3
= [112 ตารางเมตร x 900] / 3
= 107,100 / 3
= 35,700 => 24,000
เพราะฉะนั้น ลูกค้าควรใช้แอร์ขนาด 36,000 บีทียู (สามารถสูง-ต่ำได้นิดหน่อย แต่ไม่ควรเกิน 1,000 บีทียู)
ท่อน้ำยา
ข้อต่อ
สายไฟ
ยางรอง
แท่นรอง
สวิทย์
รางหลังเต่า
ปลั๊ก